ออกแบบออฟฟิศด้วยแสงในสไตล์ลอฟท์ให้โดดเด่น

การออกแบบออฟฟิศด้วย ’แสงสว่าง’ ให้พอเหมาะกับพื้นที่ทำงาน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากขึ้น เพราะแสงสว่างในระดับที่เหมาะกับสายตานั่น เสริมให้คนทำงานนั่งทำงานได้ยาวนาน ไม่ปวดสายตาและส่งผลดีต่อสุขภาพตาระยะยาว 

ระดับแสงไฟและโทนสีไฟ สามารถสร้างบรรยากาศในการทำงานแตกต่างกันออกไป ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปเลือกโทนแสงให้ตอบโจทย์กับการออกแบบออฟฟิศ ขนาดเล็กสไตล์สไตล์ลอฟท์กัน พร้อมทริคออกแบบแสงในออฟฟิศสไตล์ลอฟท์ที่ทำได้ง่ายๆ 

ออกแบบออฟฟิศสไตล์ลอฟท์ คืออะไร

ออกแบบออฟฟิศสไตล์ลอฟท์ เป็นสไตล์การตกแต่งพื้นที่ทำงาน ที่ให้กลิ่นอายความดิบ เท่และเรียบง่ายอย่างลงตัว การตกแต่งสไตล์ลอฟท์มีต้นกำเนิดมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่คนนิยมดัดแปรงนำโรงงานและโกดัง ตกแต่งให้กลายเป็นที่พักอาศัย ได้อย่างมีรสนิยมและน่าอยู่กว่าเดิม

จุดเด่นออกแบบออฟฟิศสไตล์ลอฟท์  จะเน้นโครงสร้างเปิดโล่ง เผยให้เห็นผนังเปลือย ปูนขัดมัน อิฐเปลือย อีกทั้งยังใช้โทนสีเรียบง่าย เช่น สีเทา สีขาวและสีดำ เน้นวางเฟอร์นิเจอร์เป็นฉากกั้นโซนทำงาน เสริมให้ห้องกว้างมากขึ้น

ทริคออกแบบออฟฟิศด้วยแสงในสไตล์ลอฟท์

การออกแบบแสงในออฟฟิศสไตล์ลอฟท์ ควรเน้นความดิบเท่และบรรยากาศที่โปร่งโล่ง พร้อมกับดีไซน์การใช้แสงภายในห้องร่วมด้วย จะส่งให้ออฟฟิศทำงานดูไม่อึดอัดและตึงเครียดจนเกินไป สำหรับคนที่กำลังตกแต่งพื้นที่ทำงาน สนใจออกแบบออฟฟิศสไตล์ลอฟท์  เราแนะนำให้เลือกออกแบบแสงตามนี้ 

1. เลือกใช้แสงธรรมชาติ

เอกลักษณ์ของห้องทำงาน ออฟฟิศสไตล์ลอฟท์จะเน้นการทำให้แสงธรรมชาติส่องทั่วถึงภายในห้อง ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้ห้องมีชีวิตชีวา ผ่อนคลายมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถใช้แสงโทนอบอุ่นแทนการใช้แสงธรรมชาติ เพื่อความโปร่งและลดมุมมืดในห้องทำงานได้ 

2. กำหนดแสงสว่างหลัก (Ambient Lighting) 

นอกจากการใช้แสงจากบรรยากาศแล้ว การกำหนดแสงสว่างหลัก เช่น บริเวณโต๊ะทำงาน โซนนั่งเล่น รวมถึงห้องประชุม ฯลฯ จะช่วยกระจายระดับแสงให้สว่างทั่วทั้งห้องได้ 

ไอเดียในการตกแต่งออฟฟิศสไตล์ลอฟท์ แนะนำให้ใช้โคมไฟแขวนสไตล์อินดัสเทรียล ไฟติดเพดาน และโคมห้อยติดเพดาน ยิ่งเสริมให้ออฟฟิศทำงานมีความเป็นอินดัลเทียลลอฟท์สมบูรณ์แบบ 

3. ใช้แสงเฉพาะจุด (Task Lighting)

การเลือกใช้แสงเฉพาะจุด ที่เจาะจงกับการใช้งานจริง ช่วยเสริมให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นได้ Task Lighting เป็นการออกแบบแสงที่ใช้งาน ให้เหมาะกับกิจกรรมต่างๆ เช่น บริเวณโต๊ะทำงาน  ควรโคมไฟตั้งโต๊ะหรือไฟรางสำหรับพื้นที่ทำงาน และใช้แสงโทนสีขาว บริเวณมุมพักผ่อน ควรมีโคมไฟแบบตั้งพื้นและใช้แสงโทนสีอบอุ่น เป็นต้น 

4. เลือกแสงเน้นบรรยากาศ (Accent Lighting)

เป็นแสงที่จะใช้ตกแต่งห้อง เน้นบรรยากาศให้โด่ดเด่นน่ามองเฉพาะพื้นเท่านั้น และยังทำให้ของตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องสะดุดตาขึ้นมาได้ การเลือกใช้แสงเน้นบรรยากาศ จะทำให้ห้องดูมีมิติสวยงามขึ้นได้ เช่น ติดตั้งไฟซ่อนบนฝ้า ติดตั้งไฟบนขอบตู้วางเอกสาร และไฟตรงผนังด้านข้าง ใช้ไฟวอร์มไวท์หรือไฟ LED ซ่อนในมุมต่างๆ ในออฟฟิศ เป็นต้น 

FAQ คำถามที่พบบ่อย

ถ้าออฟฟิศมีเพดานเตี้ย จะออกแบบแสงให้ดูโปร่งได้อย่างไร?

หากออฟฟิศมีเพดานเตี้ย การออกแบบแสงให้ดูโปร่งและไม่อึดอัดสามารถทำได้โดยเลือกใช้ ไฟฝังฝ้า (Recessed Lighting) หรือ ไฟติดเพดานแบบบาง (Flush Mount Ceiling Lights) เพื่อลดความเกะกะและทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้น แนะนำให้ติดไฟซ่อนภายในออฟฟิศ จะช่วยเพิ่มมิติให้กับห้อง เพื่อสะท้อนแสงและเพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่ง  

ใช้แสงสีไหนดีให้เหมาะกับออฟฟิศลอฟท์?

การเลือกแสงสีให้เหมาะกับออฟฟิศสไตล์ลอฟท์ สามารถใช้แสงได้ 2 โทน คือแสงวอร์มไวท์ (Warm White) ให้ความสว่างประมาณ 2700K-3000K เหมาะสำหรับสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและผ่อนคลาย เหมาะกับโซนพักผ่อนหรือพื้นที่สำหรับพูดคุยสร้างสรรค์ไอเดีย 

และแสงโทนนีทรัลไวท์ (Neutral White) หรือเดย์ไลท์ (Daylight) ให้ความสว่างประมาณ 4000K-5000K เหมาะกับพื้นที่ทำงานหลัก เพราะให้ความสว่างที่เป็นธรรมชาติ ทำให้ออฟฟิศดูโดดเด่น มีสไตล์ยิ่งขึ้น

ออกแบบแสงอย่างไรให้ลดอาการเมื่อยล้าทางสายตา?

การออกแบบแสงให้ออฟฟิศลดอาการเมื่อยล้าทางสายตาควรเน้นการกระจายแสงให้สม่ำเสมอและลดแสงสะท้อนที่รบกวนสายตา เลือกใช้แสงโทนขาวธรรมชาติ (Neutral White) หรือเดย์ไลท์ (Daylight) ประมาณ 4000K-5000K เพราะเป็นระดับแสงที่สว่างชัดเจน สามารถนั่งทำงานได้เป็นเวลานาน โดยไม่เมื่อยและปวดตาได้ 

การเลือกใช้แสงภายในออฟฟิศทำงาน มีส่วนสำคัญที่เติมเต็มบรรยากาศให้ออฟฟิศทำงานน่านั่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบออฟฟิศสไตล์ลอฟท์ ที่อาศัยแสงธรรมชาติเป็นองค์ประกอบหลัก เพื่อเน้นให้ห้องดูปลอดโปล่งในทุกมุม 

หากคุณเลือกใช้แสง ออกแบบแสงสว่างในออฟฟิศสไตล์ลอฟท์ได้อย่างเหมาะสม จะปรับภาพลักษณ์องค์กรมีความเป็นโมเดิร์น เป็นระเบียบและทันสมัย ตอบโจทย์การทำงานในยุคใหม่ได้ในเวลาเดียวกัน