Gig Economy 2.0 เทรนด์ทำงานของคนยุคใหม่ไร้กรอบ

Gig Economy 2.0 เทรนด์การทำงานที่ไม่ต้องการกรอบ! ทำไมการทำงานแบบอิสระถึงมาแรง? แล้วองค์กรควรจัดพื้นที่สำนักงาน และ ออกแบบออฟฟิศสำนักงาน อย่างไร

ออกแบบออฟฟิศสไตล์โมเดิร์น

โลกการทำงานเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะยุคนี้ที่ใคร ๆ ก็อยากมีอิสระมากขึ้น Gig Economy 2.0 จึงกลายเป็นรูปแบบการทำงานที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่อยากหลุดจากกรอบเดิม ๆ ไม่ต้องติดออฟฟิศทุกวัน และสามารถเลือกงานเองได้ สำหรับองค์กรก็ต้องปรับตัว ทั้งการจัดพื้นที่สำนักงาน และการออกแบบออฟฟิศสำนักงาน ให้เหมาะกับโลกการทำงานยุคใหม่อีกด้วย

Gig Economy 2.0 คืออะไร?

Gig Economy คือระบบที่เปิดโอกาสให้คนทำงานแบบอิสระ หรือ Freelance มากขึ้น แต่ Gig Economy 2.0 ก้าวไปอีกขั้น เพราะไม่ได้มีแค่ฟรีแลนซ์ หรือพาร์ตไทม์ทั่วไป แต่รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เลือกทำงานเป็นจ๊อบ ๆ ไม่ผูกมัดกับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง

ในอดีต Gig Economy อาจหมายถึงงานชั่วคราว เช่น ขับรถส่งอาหาร หรือทำงานพาร์ตไทม์เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ยุคนี้ คนที่มีทักษะระดับสูง เช่น นักการตลาด นักออกแบบ หรือที่ปรึกษาด้านธุรกิจ ก็หันมาทำงานรูปแบบนี้มากขึ้น เพราะช่วยให้พวกเขาเลือกงานที่อยากทำ มีอิสระในการใช้ชีวิต และยังสร้างรายได้ดีอีกด้วย

นอกจากนี้ องค์กรที่ต้องการดึงดูดคนเก่ง ๆ ก็ต้องปรับตัวด้วยการออกแบบออฟฟิศสำนักงาน ให้รองรับพนักงานที่ไม่ได้เข้าออฟฟิศทุกวัน โดยการจัดพื้นที่สำนักงาน ให้ยืดหยุ่น มีโซน Co-Working Space และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับแนวคิด Modern Office ที่ตอบโจทย์โลกการทำงานแบบยุคใหม่ที่ไม่ยึดติดกับเวลาและสถานที่อีกด้วย

ทำไม Gig Economy 2.0 ถึงเป็นที่นิยม?

ยุคนี้ไม่ใช่ทุกคนที่อยากทำงานประจำแบบเดิม ๆ หลายคนเริ่มมองหาทางเลือกที่ช่วยให้พวกเขามีอิสระมากขึ้น ทั้งเรื่องเวลา สถานที่ และรูปแบบการทำงาน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ Gig Economy 2.0 กลายเป็นเทรนด์สำคัญของตลาดแรงงานในปัจจุบัน และองค์กรต่าง ๆ ก็ต้องปรับตัวให้ทัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดพื้นที่สำนักงาน ให้รองรับการทำงานแบบยืดหยุ่น หรือการออกแบบออฟฟิศสำนักงาน ให้ทันสมัยในสไตล์ Modern Office มาดูกันดีกว่าว่าทำไม Gig Economy 2.0 ถึงเป็นที่นิยม

1. ความต้องการ Work-Life Balance ที่มากขึ้น

คนทำงานสมัยนี้ไม่ได้ต้องการแค่เงินเดือนดี ๆ แต่ยังต้องการเวลาพักผ่อนที่เพียงพอและความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต การทำงานแบบ Gig Economy 2.0 ช่วยให้พวกเขาสามารถเลือกงานที่ชอบ และจัดสรรเวลาทำงานกับการพักผ่อนได้ดีขึ้น ในขณะเดียวกัน องค์กรเองก็ต้องปรัการออกแบบออฟฟิศสไตล์โมเดิร์น ให้รองรับพนักงานที่อาจเข้ามาใช้งานเป็นบางเวลา เช่น มี Hot Desk หรือ Co-Working Space แทนโต๊ะทำงานประจำ

2. เทคโนโลยีช่วยให้ทำงานที่ไหนก็ได้

เครื่องมือออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Zoom, Slack, Trello หรือ Notion ทำให้พนักงานสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน บริษัทจึงหันมาจัดพื้นที่สำนักงาน ให้รองรับการทำงานแบบ Hybrid มากขึ้น มีห้องประชุมที่รองรับการประชุมออนไลน์ และสร้างบรรยากาศการทำงานที่ช่วยให้พนักงานทำงานร่วมกันได้แม้อยู่กันคนละที่

3. บริษัทต้องการลดต้นทุน

การจ้างพนักงานประจำหมายถึงค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ทั้งเงินเดือน สวัสดิการ และค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม เมื่อเศรษฐกิจไม่แน่นอน หลายบริษัทจึงหันมาใช้ Gig Worker เพราะสามารถจ้างเฉพาะช่วงเวลาที่จำเป็น ลดภาระค่าใช้จ่าย และยังเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะเฉพาะทางได้ง่ายขึ้น

Gig Economy 2.0 จึงไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตลาดแรงงาน ที่ทั้งพนักงานและองค์กรต้องปรับตัวให้ทัน

Gig Economy 2.0 เหมาะกับใคร?

Gig Economy 2.0 กำลังกลายเป็นแนวทางการทำงานที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะให้ความอิสระในการเลือกงานและบริหารเวลาเอง แต่ไม่ได้เหมาะกับทุกคน หากคุณเป็นคนที่ชอบความมั่นคงและสวัสดิการจากบริษัท การทำงานในระบบ Gig อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่มองหาอิสระและโอกาสใหม่ ๆ ในการทำงาน Gig Economy 2.0 อาจเป็นคำตอบที่ใช่ และองค์กรเองก็ต้องปรับตัว ทั้งการจัดพื้นที่สำนักงาน และออกแบบออฟฟิศสไตล์โมเดิร์น ซึ่งเหมาะกับใครบ้างมาดูกัน

1. ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นและ Work-Life Balance

คนที่ต้องการจัดสรรเวลาเอง เลือกงานที่ตรงกับความสามารถ และสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ Gig Economy 2.0 ตอบโจทย์สุด ๆ โดยเฉพาะคนที่ไม่อยากถูกจำกัดด้วยตารางงาน 9โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น และต้องการทำงานใน Modern Office หรือแม้แต่จากที่บ้านก็ได้ งานทำงานแบบนี้ถือว่าตอบโจทย์มากสำหรับคนที่ชอบ Work-Life Balance

2. ผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการรายได้สูงขึ้น

การทำงานแบบ Gig Worker ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น นักออกแบบ นักการตลาด หรือที่ปรึกษาด้านธุรกิจ มีโอกาสรับงานหลายโปรเจกต์พร้อมกัน และอาจสร้างรายได้มากกว่าการทำงานประจำ

3. บริษัทที่ต้องการลดต้นทุน

องค์กรที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานและสวัสดิการพนักงานประจำ เริ่มหันมาใช้พนักงานแบบ Gig มากขึ้น ทำให้ต้องปรับการออกแบบออฟฟิศสำนักงาน ให้รองรับพนักงานชั่วคราว และสร้างพื้นที่ที่ช่วยให้การทำงานแบบไฮบริดราบรื่นขึ้น

Gig Economy 2.0 จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับทั้งพนักงานและองค์กรที่ต้องการความคล่องตัวในการทำงานยุคใหม่

ความท้าทายของ Gig Economy 2.0

แม้ว่า Gig Economy 2.0 จะเปิดโอกาสให้คนทำงานได้อย่างอิสระ แต่ก็มีความท้าทายหลายด้านที่ต้องรับมือ โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงทางการเงินและการแข่งขันที่สูงขึ้น องค์กรที่ต้องการดึงดูดคนเก่ง ๆ ก็ต้องปรับออกแบบออฟฟิศสำนักงาน และจัดพื้นที่สำนักงาน ให้ตอบโจทย์พนักงานที่ทำงานแบบ Hybrid หรือระยะสั้นมากขึ้น

แม้ว่าการเป็น Gig Worker จะช่วยให้มีโอกาสหารายได้มากขึ้น แต่ก็ไม่แน่นอนเหมือนเงินเดือนพนักงานประจำ เพราะฉะนั้นต้องบริหารรายรับรายจ่าย และวางแผนการเงินระยะยาว และการทำงานแบบอิสระหมายถึงการไม่มีสวัสดิการ เช่น ประกันสุขภาพหรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จึงต้องบริหารความเสี่ยงและเลือกประกันที่เหมาะสมเอง

เมื่อคนเข้าสู่ Gig Economy 2.0 มากขึ้น การแข่งขันก็ยิ่งดุเดือด คนทำงานต้องพัฒนาทักษะตลอดเวลา และอัปเดตตัวเองให้ทันกับตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จใน Gig Economy 2.0

เพื่อให้ประสบความสำเร็จใน Gig Economy 2.0 ต้องมีการวางแผนและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้คุณก้าวหน้าในสายงานอิสระ

  1. พัฒนาทักษะอยู่เสมอ ตลาดแรงงานมีการแข่งขันสูง ควรอัปเดตความรู้และฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ ที่เป็นที่ต้องการ
  2. บริหารการเงินให้ดี รายได้ของ Gig Worker อาจไม่แน่นอนเหมือนพนักงานประจำ ควรจัดสรรงบประมาณและมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน
  3. สร้างเครือข่ายและหาลูกค้าใหม่ ๆ การมีคอนเน็กชันที่ดีช่วยให้ได้รับโอกาสงานมากขึ้น ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อขยายฐานลูกค้า
  4. จัดพื้นที่สำนักงานให้เหมาะสม แม้จะทำงานอิสระ แต่การออกแบบออฟฟิศสไตล์โมเดิร์น หรือมี Modern Office ที่ช่วยให้ทำงานมีประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งสำคัญ

 

ALT : จัดพื้นที่สำนักงาน Gig Economy 2.0 (Link)

 

Gig Economy 2.0 กับที่ทำงาน

เมื่อการทำงานเปลี่ยนไป องค์กรก็ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับ Gig Economy 2.0 โดยเฉพาะการจัดพื้นที่สำนักงาน และการออกแบบออฟฟิศสำนักงาน ให้รองรับพนักงานอิสระและพนักงานที่เข้ามาทำงานเป็นครั้งคราว ด้วยการจัดพื้นที่ดังนี้ 

  1. พื้นที่ทำงานแบบยืดหยุ่น (Flexible Workspace) การมี Hot Desk หรือ Co-Working Space ทำให้พนักงานสามารถเลือกที่นั่งได้ตามต้องการ
  2. เทคโนโลยีที่รองรับการทำงานระยะไกล ควรมีอุปกรณ์ที่ช่วยให้ Gig Worker ทำงานได้สะดวก เช่น ห้องประชุมออนไลน์ และระบบคลาวด์
  3. บรรยากาศที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ Modern Office ที่มีดีไซน์เปิดโล่ง ใช้สีสันที่กระตุ้นการทำงาน และรองรับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Gig Economy 2.0 ในอนาคต

อนาคตของ Gig Economy 2.0 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นส่วนสำคัญของตลาดแรงงาน องค์กรจะต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงาน โดยเน้นการจัดพื้นที่สำนักงาน ให้ยืดหยุ่น รองรับพนักงานที่เข้ามาทำงานเป็นครั้งคราว เช่น Co-Working Space และ Hot Desk มากขึ้น เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ทั้ง AI และแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ช่วยให้ Gig Worker ทำงานร่วมกับบริษัทต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศบ่อย ๆ

นอกจากนี้ แนวคิด Modern Office จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ องค์กรที่ต้องการดึงดูดคนเก่ง ๆ จะต้องออกแบบออฟฟิศสำนักงาน ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานที่ยืดหยุ่นและสร้างสรรค์มากขึ้น

สรุป

Gig Economy 2.0 กำลังเปลี่ยนโฉมตลาดแรงงาน ให้คนทำงานมีอิสระมากขึ้น ไม่ต้องยึดติดกับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง และสามารถเลือกงานที่ตรงกับความสามารถของตัวเองได้ องค์กรจึงต้องปรับตัว ทั้งการจัดพื้นที่สำนักงาน ให้รองรับพนักงานอิสระ และการออกแบบออฟฟิศสำนักงาน ให้เหมาะกับรูปแบบการทำงาน แบบ Hybrid มากขึ้น

FAQ 

Gig Economy 2.0 แตกต่างจาก Gig Economy 1.0 อย่างไร? 

  • Gig Economy 1.0 เป็นจุดเริ่มต้นของระบบเศรษฐกิจที่เปิดโอกาสให้คนทำงานอิสระหรือพาร์ตไทม์ผ่านแพลตฟอร์มตัวกลาง เช่น งานขับรถส่งอาหาร งานพาร์ตไทม์

  • ในทางกลับกัน Gig Economy 2.0 ก้าวไปอีกขั้น โดยขยายไปถึงกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น นักออกแบบ นักการตลาด ที่ปรึกษาธุรกิจ และนักพัฒนาโปรแกรม ที่สามารถทำงานเป็นจ๊อบ ๆ โดยไม่ต้องผูกมัดกับองค์กรเดียว

Gig Worker มีความมั่นคงในอาชีพหรือไม่?

  • ขึ้นอยู่กับการวางแผน คนที่มีทักษะสูงและบริหารการเงินดี สามารถมีรายได้ที่มั่นคงกว่าพนักงานประจำได้

ออฟฟิศแบบไหนที่เหมาะกับ Gig Worker?

  • ควรเป็น Modern Office ที่มีพื้นที่ทำงานแบบ Co-Working Space รองรับการทำงานระยะสั้น และมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้ทำงานจากที่ไหนก็ได้

Gig Economy 2.0 จะส่งผลต่ออนาคตการทำงานอย่างไร? 

  • องค์กรจะเริ่มใช้พนักงานแบบ Hybrid มากขึ้น พนักงานต้องปรับตัวและพัฒนาทักษะใหม่ ๆ เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดแรงงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นได้

Gig Economy 2.0 จะส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานอย่างไร? 

  • Gig Economy 2.0 จะทำให้ตลาดแรงงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น องค์กรลดการจ้างงานประจำ ขณะที่คนทำงานต้องพัฒนาทักษะเพื่อแข่งขันและรักษาความมั่นคงทางการเงิน

Explore Products

จัดพื้นที่ Hybrid Workplace

Next Inspired

5 ขั้นตอนเริ่มต้นจัดพื้นที่ Hybrid Workplace ให้เหมาะกับองค์กรของคุณ

แนะนำขั้นตอนเริ่มต้นจัดพื้นที่ Hybrid Workplace โซลูชันใหม่ในการทำงานด้วยระบบการทำงานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ยืดหยุ่น เสริมสมดุลให้ชีวิตดีขึ้น

Discover
แชร์