5 ฟังก์ชันบนโต๊ะทำงานผู้บริหาร ควรมีอะไรบ้าง

เพราะการเลือกโต๊ะทำงานผู้บริหารไม่ใช่แค่การเลือกเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป แต่เป็นการจัดพื้นที่สำนักงานที่ต้องคำนึงถึงฟังก์ชันในการใช้งานที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ความเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ผู้บริหาร ทำให้สิ่งเหล่านี้กลายมาเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญมากกว่าแค่มองความสวยงาม สำหรับฟังก์ชัน 5 อย่างที่โต๊ะทำงานผู้บริหารต้องมี ประกอบด้วยอะไรบ้างไปดูกันเลย !

ฟังก์ชันที่ 1 มีพื้นที่กว้าง จัดเก็บของได้ครบครัน

ฟังก์ชันแรกคือเรื่องของพื้นที่บนโต๊ะ ที่ต้องมีความกว้างและยาวที่เหมาะสม สามารถวางเอกสาร อุปกรณ์ และของใช้จำเป็นได้อย่างครบถ้วนและเป็นระเบียบ ไม่รก ไม่เกะกะสายตา ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับผู้บริหาร

ตัวอย่างการเลือกโต๊ะทำงานผู้บริหารให้มีพื้นที่เพียงพอต่อการใช้งาน

• ท็อปโต๊ะกว้าง ใหญ่กว่าโต๊ะทำงานทั่วไป เช่น โต๊ะรูปตัว L หรือโต๊ะที่มีพื้นที่เสริมด้านข้าง 
• โต๊ะทำงานที่มีพื้นผิวเรียบและกว้างขวาง
• โต๊ะหน้ากว้างที่มีช่องเก็บของ หรือลิ้นชักในตัว

เพราะนอกจากโต๊ะขนาดใหญ่จะช่วยให้เก็บเอกสารและเครื่องใช้สำนักงานของผู้บริหารได้อย่างครบถ้วนแล้ว จัดโต๊ะทํางานออฟฟิศให้เป็นโต๊ะที่ใหญ่จะช่วยลดความเครียดและเพิ่มสมาธิในการทำงานได้เป็นอย่างดี เหมาะกับงานสายบริหารที่ค่อนข้างมีความกดดันและความเครียดในการทำงาน

ฟังก์ชันที่ 2 ระบบจัดการสายไฟ

ฟังก์ชันถัดมาที่ห้ามมองข้ามก็คือเรื่องของการจัดระเบียบสายไฟที่อาจจะรกรุงรัง ส่งผลต่อความปลอดภัยในการทำงาน เพราะการจัดโต๊ะผู้บริหารจำเป็นจะต้องมีคอมพิวเตอร์ แล็บท็อป โทรศัพท์ และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นต่าง ๆ ดังนั้นการเลือกโต๊ะทำงานผู้บริหารจะต้องคำนึงถึงระบบจัดการสายไฟที่ดีด้วย

ตัวอย่างโต๊ะทำงานผู้บริหารที่มีระบบจัดการสายไฟ

• โต๊ะทำงานที่มีช่องสำหรับร้อยสายไฟ 
• โต๊ะทำงานที่มีรางเก็บสายไฟใต้โต๊ะ รองรับสายไฟได้จำนวนมาก
• โต๊ะทำงานที่มีกล่องเก็บสายไฟ ซ่อนปลั๊กไฟและสายไฟส่วนเกินได้

แม้จะเป็นจุดเล็ก ๆ แต่การเลือกโต๊ะทำงานผู้บริหารที่มีระบบจัดการสายไฟที่ดีจะช่วยทั้งเรื่องของความเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นการตกแต่งออฟฟิศให้สบายตา ช่วยจัดพื้นที่สำนักงานให้ดูดี และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานได้

ฟังก์ชันที่ 3 ระบบปรับระดับความสูง

สำหรับการเลือกจัดโต๊ะทำงานผู้บริหารในออฟฟิศที่สามารถปรับระดับความสูงได้เป็นตัวช่วยในการลดปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการนั่งทำงานในท่าเดิมนานๆ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริหารที่ต้องใช้เวลาอยู่ที่โต๊ะเป็นเวลานาน การเลือกโต๊ะทำงานที่ปรับตามท่าทางอิริยาบถต่าง ๆ ได้จะช่วยเซฟร่างกายได้ดีขึ้น

ตัวอย่างโต๊ะทำงานผู้บริหารที่ปรับระดับความสูงได้

• โต๊ะทำงานปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า
• โต๊ะทำงานปรับระดับด้วยระบบมือหมุน
• โต๊ะทำงานปรับระดับแบบโช๊ค มีล้อเลื่อน เคลื่อนย้ายสะดวก

เพราะการเลือกโต๊ะทำงานที่ปรับระดับได้จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงาน ปรับให้เหมาะสมกับอริยาบถของผู้บริหาร นอกจากนี้โต๊ะทำงานปรับระดับได้จะช่วยลดความเครียด ความเหนื่อยล้าจากการทำงานท่าเดิมนาน ๆ ได้ด้วย

ฟังก์ชันที่ 4 แท่นชาร์จอุปกรณ์

นอกจากเอกสารที่ต้องอ่านและเซ็นต์แล้ว การจัดโต๊ะทำงานผู้บริหารในออฟฟิศยังมีความจำเป็นในการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ขาดไม่ได้ก็คือช่องสำหรับวางมือถือ แท็บเล็ต และแท่นชาร์จ ซึ่งจะทำให้การทำงานราบรื่น สะดวก ไม่มีติดขัด จบปัญหาแบตเตอรีต่ำทำให้การทำงานล่าช้าไปได้เลย

ตัวอย่างโต๊ะทำงานผู้บริหารพร้อมแท่นชาร์จ

•  โต๊ะทำงานผู้บริหารพร้อมแท่นชาร์จแบบ Pop-Up
•  โต๊ะทำงานผู้บริหารพร้อมแท่นชาร์จแบบแบบโมดูลาร์
• โต๊ะทำงานผู้บริหารพร้อมช่องเก็บสายไฟและแท่นชาร์จแบบไร้สาย หรือโต๊ะทำงาน ที่มี USB Port

เพราะจัดโต๊ะทํางานออฟฟิศมีแท่นชาร์จในตัว จะช่วยให้สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้ง่ายและประหยัดเวลา อุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อม Active ใช้งานได้ทันที รวมถึงลดการเพิ่มปลั๊กไฟที่เกะกะ ทำให้พื้นที่สำนักงานดูไม่เป็นระเบียบ

ฟังก์ชันที่ 5 วัสดุคุณภาพ

นอกจากฟังก์ชันด้านความสะดวกสบายที่ตอบโจทย์การใช้งานแล้ว เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือเรื่องของวัสดุของโต๊ะทำงานผู้บริหาร เพราะวัสดุที่เป็นท็อปโต๊ะหรือส่วนประกอบอื่่น ๆ ส่งผลต่อความทนทานในการใช้งาน และความสวยงาม สะท้อนตัวตนและรสนิยมของผู้บริหารด้วย

ตัวอย่างโต๊ะทำงานผู้บริหารที่ใช้วัสดุคุณภาพดี

• โต๊ะที่ทำมาจากไม้จริง เช่น ไม้โอ๊ค ไม้วอลนัท และไม้สัก
• โต๊ะที่ทำจากไม้ MDF เคลือบผิวด้วยวีเนียร์
• โต๊ะที่ทำจากเหล็ก โลหะ หรือกระจก

แม้ว่าการเลือกวัสดุดังกล่าวจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่มีประโยชน์ในเรื่องของการใช้งานที่ทนทานยาวนาน และการเลือกใช้โต๊ะทำงานที่ทำมาจากวัสดุที่มีคุณภาพยังมีข้อดีในการช่วยเสริมภาพลักษณ์ ช่วยตกแต่งออฟฟิศให้มีบรรยากาศการทำงานที่ดี และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริหารและองค์กรได้เป็นอย่างดี

สรุป

และนี่ก็คือ 5 ฟังก์ชันที่ควรมีบนโต๊ะทำงานผู้บริหาร เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกซื้อโต๊ะเพราะนอกจากความสวยงามแล้ว การตอบโจทย์ความต้องการผู้ใช้งานเองก็เป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น และยังช่วยลดความเครียด เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้นได้ด้วย ใครที่ลังเลว่าจะเปลี่ยนโต๊ะทำงานใหม่ดีไหม ก็ลองพิจารณาดูว่าโต๊ะที่ใช้อยู่นั้นมีฟังก์ชันเพื่อการทำงานอย่างมีคุณภาพเหล่านี้ครบแล้วหรือยัง ? 

FAQ

โต๊ะทำงานผู้บริหาร ควรมีขนาดเท่าไหร่? 

โต๊ะทำงานผู้บริหารควรมีขนาดอยู่ที่ 160-200 เซนติเมตร ลึก 80-100 เซนติเมตร และสูงประมาณ 75 เซนติเมตร หรือพิจารณาตามขนาดพื้นที่ของห้องตามความเหมาะสม ซึ่งโต๊ะที่เหมาะสมกับผู้ใช้งานจริง ๆ อาจมีขนาดแตกต่างกันไปตามความต้องการ

วัสดุที่ใช้ทำโต๊ะทำงานผู้บริหาร มีผลต่อสุขภาพหรือไม่? 

แน่นอนว่าวัสดุที่ใช้ทำโต๊ะย่อมส่งผลต่อสุขภาพของผู้ใช้งาน โดยวัสดุที่แตกต่างกันก็ย่อมส่งผลต่อสุขภาพต่างกันไป เช่น

• โต๊ะไม้

ข้อดี: สวยงาม แข็งแรง ช่วยให้ผ่อนคลาย 

ข้อเสีย: อาจเป็นที่สะสมของฝุ่น ไรฝุ่น และสารเคลือบไม้อาจมีผลต่อผู้มีอาการแพ้

• โต๊ะไม้ MDF (Medium Density Fiberboard)

ข้อดี: แข็งแรง ทนทาน ผิวเรียบสวยหรูหรา

ข้อเสีย: วัสดุอาจปล่อยสารฟอร์มัลดีไฮด์ และสารเคมีที่ใช้ในการอัดไม้ให้เป็น MDF

• โต๊ะโลหะ

ข้อดี: ทนทาน แข็งแรง ให้ความรู้สึกมั่นคง

ข้อเสีย: ผิวสัมผัสแข็งกระด้าง สร้างความรู้สึกเครียดหรือเหนื่อยล้าในการทำงาน

• โต๊ะกระจก

ข้อดี: ทันสมัย โปร่งโล่ง ทำความสะอาดง่าย

ข้อเสีย: แสงสะท้อนจากวัสดุอาจทำให้ปวดตา สายตาล้าได้

มีงบประมาณจำกัด ควรเลือกโต๊ะทำงานผู้บริหารอย่างไร? 

หากมีงบประมาณจัดโต๊ะทํางานออฟฟิศจำกัด การเลือกซื้อโต๊ะทำงานผู้บริหารควรต้องคำนึงอย่างรอบคอบเพื่อใหได้โต๊ะที่มีฟังก์ชันที่เหมาะสมและคุ้มค่าเงินมากที่สุด โดยถ้าหากมีงบประมาณไม่มากแต่อยากได้โต๊ะทำงานที่เรียบหรู ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ สามารถพิจารณาตัวเลือกเหล่านี้กันได้เลย

• เลือกโต๊ะไม้ MDF ที่มีราคาถูกกว่าไม้จริง หรือโต๊ะโลหะ
• เลือกขนาดโต๊ะที่พอดีกับการใช้งาน หรือโต๊ะรูปตัว L
• เลือกซื้อในช่วงที่มีโปรโมชัน หรือ Office Expo ทำให้ได้โต๊ะทำงานคุณภาพดีในราคาคุ้มค่า
• พิจารณาราคาและฟังก์ชันจากหลาย ๆ ร้านเพื่อให้ได้โต๊ะที่เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการมากที่สุด